Kenneth Rose

รูป : Chris Hero (Kassius Ohno)



ชื่อ : Kenneth Rose

ฉายา : “The Elbow Specialist” , “The Perth’s Executioner”

น้ำหนัก : 225 ปอนด์

ส่วนสูง : 6 ฟุต 4 นิ้ว

ฝั่ง : Heel

บ้านเกิด : Perth , Australia

กิมมิค : เขาคือผู้ที่รักและชื่นชอบในศิลปะการต่อสู้และเขากระหายในชัยชนะและชื่อเสียง! เขามีความสุขกับการได้น๊อคศัตรูด้วยศอกของเขา ถ้าแมตต์ไหนไม่มีโอกาสได้ใช้หรือศัตรูทนทายาดมากจนกระทั่งต้องใช้ท่าซับมิชชั่นช่วยน๊อคจะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดหรือเริ่มไม่สบอารมณ์ในบางครั้ง นอกจากแมตต์นั้นๆจะจวนตัวจริงๆ จนจะทำให้เขาแพ้

ลักษณะนิสัยของเขาเป็นคนออกจะไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่ ถ้าไม่สนิทหรือไม่รู้จักจะถามคำตอบคำ ถ้าสนิทหรือคุยถูกคอก็พอจะคุยด้วยกันได้ แต่ด้วยการพูดตรงของเขาทำให้บางคนไม่ชอบ และในบางครั้งเขาเป็นคนที่พูดอะไรไม่คิด ชอบดูถูกคนอื่น และเป็นคนอารมณ์ร้อนจะจัดการนั่นนี่ให้ได้ดั่งใจนึก เป็นคนขี้หงุดหงิดเมื่อต้องเจออะไรเยอะหรือลำบาก

ประวัติ : เขาคือชายหนุ่มผู้รักศิลปะการต่อสู้แบบมวยปล้ำ ชายหนุ่มคนนี้เกิดที่เมือง Perth ประเทศ Australia เกิดในครอบครัวเล็กๆแห่งหนึ่งในเมืองแห่งนั้น ตอนเด็กๆเขาชอบการต่อสู้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดแต่ที่เห็นจะดูบ่อยสุดก็คือมวย เมื่อเขาได้เติบโตเป็นวัยรุ่นอายุสักประมาณ 17 ปี เขาเริ่มหางานทำและมีเงินติดตัวและใช้เงินซื้อตั๋วตามไปดูมวยในทุกๆที่ใน Perth จนกระทั่งเริ่มลามออกไปกลายเป็นทุกที่ใน Australia ถ้าไม่ลำบากกว่าแรงเขาก็จะไปชมให้ได้ เขาลงสมัครเป็นนักกีฬาโรงเรียนในกีฬามวยแต่ก็แพ้ไม่เป็นท่าจนกระทั่งเขาล้มเลิกความตั้งใจไป

จนกระทั่งเขามีอายุได้ 19 ปี เขาได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน Perth เขาลองลงสมัครนักกีฬาประจำมหาวิทยาลัยแต่คราวนี้ไม่ใช่มวยสากลแต่เป็นมวยปล้ำ เขาคิดว่ามวยปล้ำเป็นกีฬาที่เล่นง่ายๆเพราะเคยดูในโทรทัศน์สมัยก่อน แต่พอเขาได้มาลองเล่นจริงๆเขากลับคิดผิด เขามีสถิติไม่ดีนักในการแข่งขัน เขาเริ่มรู้สึกท้อ จนกระทั่งสุดท้ายเขาล้มเลิกความตั้งใจไป แต่เขายังคงไม่ทอดทิ้งกีฬานี้เพราะเป็นกีฬาที่เขาชื่นชอบมากที่สุด เขาพยายามฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้น

เขาได้ไปขอให้โค้ชฝึกกีฬามวยปล้ำให้เขาแบบตัวต่อตัว เขาต้องการเก่งขึ้น ต้องการชนะพวกที่ดูถูกว่าเล่นมาตั้งนานแต่ฝีมือกลับแย่ เขาฝึกอย่างหนักจนกระทั่งบางครั้งเกิดล้มป่วยบ้างก็มี โค้ชได้แนะนำให้เขาไปฝึกมวยปล้ำที่ค่ายดีกว่าลองตระเวนหาโรงเรียนฝึกดู มันจะได้ผลกว่านี้ เขารับฟังคำแนะนำโค้ชและได้ออกตระเวนหาโรงเรียนสอนมวยปล้ำจนกระทั่งได้เจอโรงเรียนแห่งหนึ่งรับสอนเขาลงชื่อสมัครทันทีและเสียค่าใช้จ่ายนิดๆหน่อยๆ โดยเขาขอเริ่มฝึกวันแรกเลยทันที!

เขาฝึกมวยปล้ำไปได้หลายปีจนกระทั่งเขาคิดว่าเริ่มชำนาญแล้วจึงไปหาค่ายรับสมัครมวยปล้ำแต่ก็ไม่มีค่ายไหนรับเขาเข้าเลย เนื่องจากบางค่ายยังไม่ต้องการมีค่าใช้จ่ายเพิ่มและเนื่องจากเขายังหน้าใหม่เกินไปในวงการนี้ เขาจึงเก็บเงินค่าเครื่องบินจนกระทั่งอายุได้ 24 ปีเขาเดินทางไปที่ประเทศไทยเพราะอยากชมศิลปะการต่อสู้แบบไทยหรือที่เรียกว่า "มวยไทย" เขาเดินทางมาที่เมืองพัทยา และเสาะหาถามฝรั่งแถวนั้นถึงค่ายมวยจนกระทั่งได้ไปเจอค่ายมวยแห่งหนึ่งแล้วเขาก็ตกลงปลงใจที่จะเรียนมวยไทยและเริ่มหาสถานที่พักแถวๆนั้น

เขาเข้าร่วมการแข่งขันมวยไทยที่ยิมนั้นฝึกขึ้นและเขาก็ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อจะโชว์ฝีมือให้ทุกคนได้ชมในการแข่งขันแรกของเขาที่เมืองไทย ในการแข่งขันครั้งนั้นเขาจัดการสับศอกเข้าคิ้วฝ่ายตรงข้ามที่เป็นคนไทยจนคิ้วแตกแต่ก็ไม่วายเขาก็แพ้น๊อคไปหลังจากโดนเตะตัดลำตัวล้มลงไปจนลุกไม่ขึ้น แถมยังโดนต่อยเข้าปากจนแตกเป็นแผลเดิมอยู่แล้ว จนจบโชว์ครั้งแรกเขาก็ได้รับคำชมและเสียงเชียร์อยู่มาก จนการแข่งขันครั้งต่อไปเขาก็จัดการน๊อคคู่ต่อสู้ที่เป็นชาวอังกฤษไปได้ด้วยการฟันศอกเข้าที่กรามจนน๊อคกลางอากาศไป เขาเริ่มสนุกและมีความสุขในการจัดการคู่ต่อสู้ด้วยฝีมือที่แข็งแกร่งของเขา จนเขาเริ่มทนรอการต่อสู้ในแต่ละครั้งแทบไม่ไหว...

จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องการเงิน ชื่อเสียงและเสียงเชียร์ที่มากกว่าจึงหันไปเอาดีทางด้านกีฬา MMA และเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นและได้เข้าร่วมค่ายแห่งหนึ่งในการแข่งขันซึ่งอยู่บนเวทีมวยคาดเชือกและเขาก็เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อีกครั้งด้วยการฟันศอกของเขา! เขามีสถิติชนะไปเรื่อยๆจนเริ่มมีชื่อเสียงจนกระทั่งเขาได้พบกับคู่ต่อสู้สุดแข็งแกร่งคนหนึ่ง เขาโดนไล่ต้อนไม่ยั้งจนในที่สุดเขาโดนอัดจนลงไปนอนหมอบกับพื้นคู่ต่อสู้จัดการคร่อมตัวเขาแล้วต่อยไม่ยั้งเขาคว้าแขนของคู่ต่อสู้คนนั้นได้แล้วจัดการหักแขนด้วยท่า Kimura จนแขนของคู่ต่อสู้ของเขาหักจริงขึ้นมา เขาชนะไปในแมตต์นั้น....

เขาโดนคู่ต่อสู้ของเขาฟ้องร้องและตามจะเอาเรื่องอยู่หลายครั้งซึ่งเขาก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ จนกระทั่งทั้งคู่โคจรมาเจอกันอีกครั้งใน 4 แมตต์ให้หลังเพราะฝั่งนั้นร้องขออยากจะรีแมตต์ คราวนี้ก็เป็นเช่นเดิม คือ เขาโดนอีกฝ่ายไล่ต้อนและจัดการต่อยซะยับจนแพ้ไม่เป็นท่า เขามีโอกาสต่อยสวนแค่ 2 ครั้งจนกระทั่งหมดโอกาส เขาแพ้น๊อคไปในยกแรก เมื่อแข่งขันเสร็จเขาโดนอีกฝ่ายดูถูกอย่างหนักจนะกระทั่งเขาทนไม่ไหวเข้าไปกระโดดฟันศอกใส่หน้าอีกฝ่ายขณะยืนให้สัมภาษณ์ถึงชัยชนะอยู่ จนกระทั่งล้มลงและกำลังจะลุกขึ้นมาเขาเดินไปจัดการแทงเข่าใส่หน้าอีกฝ่ายจนกระทั่งเลือดไหลออกมาจากกมูกจำนวนมาก เขาถูกตำรวจจับไปและสุดท้ายก็ถูกปล่อยออกมาพร้อมกับโดนปรับเงินไปหลายเหรียญ

เขาขอลาออกกับทางค่ายและเขาก็ตกงานอยู่หลายเดือนจนกระทั่งอายุ 27 ปี เขาหวนกลับมาคิดถึงกีฬามวยปล้ำที่เขาเคยชื่นชอบมากที่สุดในวัยเด็ก เขากลับหันหลังให้วงการมวยไทยและ MMA กลับเข้าสู่วงการมวยปล้ำอีกครั้ง คราวนี้เขาพกชื่อเสียงและฝีมือมาเต็มที่และเขาได้ปล้ำมวยปล้ำที่ญี่ปุ่นจากนั้นเขาได้กลับไปปล้ำมวยปล้ำที่บ้านเกิดที่ Australia และไล่ล่าหาประสบการณ์อยู่เรื่อยๆได้เดินทางไปปล้ำมาแล้วหลายที่จนกระทั่งได้มาเจอกับค่ายแห่งนี้ เขาจึงลองสมัครดูหวังหาประสบการณ์ใหม่ๆจากที่แห่งนี้...

สไตล์การปล้ำ :
Strike
Submission

ลักษณะการปล้ำ : เมื่อเริ่มปล้ำจะอยู่มุมใดมุมหนึ่งของ TB ที่ตรงข้ามกับคู่ต่อสู้ จะเดินหน้าเข้าหาคู่ต่อสู้ก่อนเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่ตัวเล็กกว่า แต่ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่าจะรอให้คู่ต่อสู้เดินเข้ามาหา แต่ถ้าคู่ต่อสู้ไม่เข้ามาก็เจอเป็นฝ่ายไปเองแต่จะเลี่ยงๆไม่ไปตรงๆ เพราะจะเสียเปรียบจะใช้ความเร็วเข้าช่วยด้วย เขาใช้ทักษะมวยไทยและ MMA ของเขาผสมผสานกับมวยปล้ำได้เป็นอย่างดี ในการปล้ำแต่ละครั้งเขาจะใช้ท่ามวยปล้ำเป็นหลักส่วนทักษะอื่นๆเป็นรอง ส่วนซับมิชชั่นจะใช้ก็ต่อเมื่อศัตรูทนไม่แพ้ง่ายๆ หรือตัวเองจนมุมจะหาวิธีพลิกสถานการณ์มาเป็นฝ่ายใช้ท่าซับมิชชั่นให้ได้

แมทการปล้ำที่ถนัด : Single Match , Submission Match , Iron Man Match , Last Man Standing Match

อาวุธประจำตัว : ไม่มี
ท่าประกอบอาวุธ : ไม่มี
รายละเอียดของท่า : ไม่มี

ท่ามวยปล้ำ 8 ท่า :
- Elbow Strike
- Flip Neckbreaker
- Indian Leg Lock
- Tiger Suplex (Sometimes a Tiger Suplex Hold)
- Tilt-a-whirl Backbreaker
- Running Knee Strike
- Australian Leg Sweep (Russian Leg Sweep & Armbar)
- German Suplex

คอมโบ : Perth’s Machine Gun (Repeated elbow strikes to an opponent's chest) ก่อนใช้จะทำท่ายิงปืนไปที่คู่ต่อสู้

ท่าเอกลักษณ์ 2 ท่า :

ชื่อ : Knee Strike From Hell
รายละเอียด : Boma Ye



ชื่อ : Kangaroo’s Kick
รายละเอียด : Mafia Kick



ท่าไม้ตาย 2 ท่า :
ชื่อ : The Blade of Perth
รายละเอียด : Rolling Elbow (Sometimes a Rip Cord Rolling Elbow)





ชื่อ : White Shark’s Bite
รายละเอียด : Koji Clutch



การแต่งตัว :

บนเวที :

ใส่กางเกงขาสั้นเหมือนนักมวยปล้ำธรรมดาทั่วไป ใส่สนับเข่าสีดำ สับศอกสีดำ อีกข้างสีแดง รองเท้าบู๊ทสีดำ

นอกเวที :

จะใส่เสื้อยืดธรรมดาๆ กางเกงยีน กระเป๋าสะพายดังภาพ อาจจะใส่เสื้อแจ๊คเก็ตบ้างเป็นบางโอกาส

เพลงเปิดตัว : “It’s My Life” By Bon Jovi



การเปิดตัวออกมา : เดินออกมาพร้อมเสื้อคลุมแล้วเดินไปจับมือคนดูบ้าง บางครั้งก็ไม่จับเดินไปเรื่อยๆแล้วบ่นๆไปตามทาง บ้างก็ชูศอกให้กล้องดูแล้วพูดประมาณว่าจะน๊อคคู่ต่อสู้คืนนี้ด้วยศอก แล้วเดินขึ้นเวทีจากนั้นก็เดินไปขึ้นเชือกเส้นที่ 2 ที่มุม TB แล้วถอดเสื้อออก โยนลงเวที จากนั้นก็กระโดดลงมาจากเชือก

Facebook : Chaychan Fungphithak
https://www.facebook.com/#!/ArmmyRock